fbpx

วันนี้เราจะมาพูดถึง ข้อแตกต่างระหว่างกล้องวงจรปิด Star Light ,Night Color ,infrared ,Day & Night จะแตกต่างกันขนาดไหน เราไปเริ่มกันเลยดีกว่า

กล้องวงจรปิด Star Light

Star light CCTV การทำงานคล้ายๆ กับกล้อง Day & Night แต่พิเศษกว่าตรงที่สามารถให้ภาพสีในเวลากลางคืน แม้จะมีแสงเพียงเล็กน้อยก็ตาม กล้อง Star light เมื่ออยู่ในสภาวะที่ไม่มีแสง จะใช้ประสิทธิภาพของชิปในตัวกล้อง ภาพที่ได้จะมีความใส และเป็นธรรมชาติ

ข้อดี

  • ให้ภาพสีในเวลากลางคืน แสงจากดวงจันทร์เพียงพอต่อการทำงาน ความร้อนน้อย
  • ไม่จำกัดเรื่องของระยะทางที่ตัวกล้องจะจับภาพได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับเลนส์ที่ใช้

ข้อเสีย

  • ใช้ในที่มืดสนิทไม่ได้

การเลือกใช้งาน

  • ควรคำนึงตามความเหมาะสมของสถานที่/บริเวณ/สิ่งที่ต้องการจับภาพ ถ้าบริเวณที่จะติดตั้งมืดสนิทไม่มีแสงใดๆ เลยและระยะไม่ไกลมากแนะนำให้ใช้กล้องอินฟราเรด ส่วนบริเวณที่ที่มีแสงสว่างบ้างต้องการคุณภาพของภาพสูงควรเลือกใช้กล้อง Star Light
กลับสู่สารบัญ

กล้องวงจรปิด Night Color

เป็นกล้องวงจรปิดที่เด่นเรื่องการให้ภาพสีที่สวยสีสันสดใสทั้งกลางวันและกลางคืน การติดตั้งกล้องวงจรปิดทั้งสองแบบนี้ ขึ้นอยู่กับความชอบและวัตถุประสงค์ของผู้ใช้งาน การทำงาน เมื่อไม่มีแสงกล้อง Night Color เมื่ออยู่ในสภาวะที่ไม่มีแสง จะมีหลอดไฟให้ความสว่าง โดยแสงที่เข้ามาช่วยนี้ จะเป็นแสงสีขาวและสีเหลือง ซึ่งแสงนี้จะส่งผลให้ภาพเป็นสีตลอดเวลา

ระดับแสงต่ำสุดที่มองเห็นอยู่ที่ประมาณ 0.01 ไม่มีอินฟาเรด / ไม่มีระบบ IR-Cut มีระบบ Smart LED สามารถปรับได้แค่ 2 โหมดคือ Auto ซึ่งหลอดไฟจะถูกเปิดในขณะที่แสงน้อยและ Manual ซึ่งจะปิดแสงไปเลย ซึ่งจะแตกต่างกันแค่ความสว่างเท่านั้น แต่ภาพก็ยังเป็นสีเช่นเดิม

ข้อควรพิจารณาในการใช้งาน

กล้อง Night Color จะมีหลอดไฟ LED ที่เรียกว่า White light และ Warm light ช่วยส่องสว่างเหมือนกับการติดไฟฉายให้กล้องซึ่งแสง Warm light จะช่วยให้สามารถจับภาพใบหน้าของคนได้ดี แต่ก็ต้องระวังเรื่องแมลงที่จะเข้ามาเล่นแสงไฟก็อาจจะสร้างความสกปรกให้กับเลนส์กล้องได้

กลับสู่สารบัญ

กล้องวงจรปิดแบบ Day & Night

Day & Night CCTV คือ กล้องวงจรปิดที่สามารถใช้งานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ต้องการแสงเล็กน้อยเพื่อให้กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ และเมื่อกล้องวงจรปิดได้รับแสงน้อยมากๆ (สภาวะที่ยังมีแสงอยู่เล็กน้อย) ก็จะเปลี่ยนภาพเป็นโหมด ขาว-ดำ

ข้อดี

  • ในเวลากลางคืน ไม่จำกัดเรื่องของระยะทางที่ตัวกล้องจะจับภาพได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับเลนส์ที่ใช้
  • ได้ภาพขาวดำทั้งเฟรต

ข้อเสีย

  • ใช้ในที่มืดสนิทไม่ได้
กลับสู่สารบัญ

กล้อง Infrared (IR Camera)

กล้องวงจรปิดประเภทนี้ จะใช้แสงจากหลอด Infrared ส่องไปกระทบที่ตัววัตถุ เพื่อที่จะใช้ในการจับภาพที่วัตถุนั้นได้ ซึ่งตัวInfraredจะทำงาน เมื่ออยู่ในสภาวะแสงในบริเวณนั้นน้อยลงไปอยู่ที่ระดับหนึ่ง โดยที่จะมีเซนเซอร์ LDR ที่ติดตั้งอยู่ที่บริเวณด้านหน้าของตัวกล้องคอยทำหน้าที่วัดระดับแสง และคอยส่งสัญญาณไปที่หลอด Infrared ให้ทำงาน และทันทีที่หลอดInfraredทำงานภาพก็จะกลายเป็นขาวดำ

สังเกตได้ง่ายๆ ว่าหลอดLEDทำงานหรือไม่ คือเมื่ออยู่ในที่มืด หลอดLED จะเปล่งแสงเป็นสีแดง ซึ่งก็จะมีข้อพิเศษอยู่ตรงที่ สามารถจับภาพในที่มืดได้ แต่มีข้อจำกัดอยู่ตรงที่จับภาพได้ไกลสุดตามระยะทางที่กำหนดไว้เท่านั้น

เมื่อแสงสว่างพอกล้องก็จะกลับเข้าสู่โหมดภาพสีปกติอีกครั้ง ต่อมาก็มีการพัฒนา Smart IR ช่วยลดแสงสะท้อนในการมองเห็นภาพในเวลากลางคืน โดยปกติเมื่อ IR ทำงานหากวัตถุเข้ามาใกล้กล้องจะทำให้ภาพที่แสงตกใกล้วัตถุเป็นสีขาวมองไม่ชัด

บางครั้งจะเห็นภาพได้ต่อเมื่อมีวัตถุมาอยู่ ณ จุดตกกระทบของแสง อินฟราเรด จึงจะเห็นภาพ นอกจากนี้จำนวนหลอดไฟยังมีผลต่อระยะที่สามารถจับภาพได้อีกด้วยหากใช้หลอดไฟ15หลอด จะสามารถส่องได้ประมาณ10เมตรเป็นต้น ซึ่งมีให้เลือกใช้

ข้อดี

  • สามารถมองเห็นภาพได้จากในที่ที่มืดสนิท เพราะได้แสงช่วยจากหลอดอินฟราเรดส่องไปที่วัตถุ

ข้อเสีย

  • มีความร้อนสูงเมื่ออินฟราเรดทำงาน

ข้อจำกัด

  • คือเรื่องระยะส่องแสงของอินฟราเรด (IR Distance) ถ้าวัตถุอยู่ไกลเกินระยะแสงอินฟราเรดก็จะไม่สามารถมองเห็นได้

ข้อแตกต่างกล้องวงจรปิด IR กับ กล้องวงจรปิด IR Array

LED Array คืออะไร

LED Array เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้กับกล้องวงจรปิด CCTV โดยที่ LED Arrayให้แสงจาก Light – emitting Diode เป็นเทคโนโลยีอุปกรณ์อินฟาเรดสำหรับมองกลางคืนที่มีประสิทธิภาพ สูงอายุการใช้งานยืนยาว

คุณสมบัติพิเศษของ LED Array

  1. ความสว่าง : หลอด LED Array หลอดเดียวสามารถให้แสงสว่างสูงระดับ 800 mWถึง1000mWจึงทำให้ความสว่างและยิงลำแสงที่ไกลขึ้น
  2. ปริมาณ : เนื่องจากหลอด LED Array เป็นการรวมแสงที่มีคุณภาพสูงปริมาณการใช้งานจึงน้อยกว่า ธรรมดา โดยหลอด LED Array1หลอดมีขนาดเพียงแค่เหรียญบาท เท่านั้น
  3. องศาของแสง หลอด LED Array สามารถเปล่งแสงที่ 10 – 120 องศา(องศาสามารถปรับเปลี่ยนได้) และแสงที่เปล่งออกมาอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งพื้นที่หากใช้องศาที่ต่างกันของเลนส์สามารถปรับองศาของแสงได้ถึง 180 องศาและไม่ทำให้เกิด“ปรากฏการไฟฉาย” หรือ Flashlight Effect เหมือน หลอด LED แบบเดิม
  4. การซ่อนเร้น แสงอินฟาเรดจากหลอดของ LED Array นั้นมี 2 ความยาวคลื่นโดยมีความยาวคลื่นที่ 850 nm (นาโนเมตร)และ 940 nm ที่ความยาวคลื่น 850 nm แสงที่เปล่งออกมาจะมีลักษณะคล้ายกับที่แสงส่งออกมาจากหลอด IR ปกติ ในขณะที่ความยาวคลื่น 940 nm จะมีแหล่งกำเนิด แสงสีแดงของหลอดอินฟาเรดเพียงเล็กน้อยในเวลากลางคืนซึ่งเหมาะกับการซ่อนเร้นได้ดี
  5. อายุการใช้งาน LED Array จะมีอายุการใช้งานได้ยาวนานเฉลี่ยที่ 50,000 ชั่วโมง
  6. คุณภาพสูง LED Array เป็นวัสดุคุณภาพสูงเกรดเดียวกับที่ใช้ในการทหารที่สูงกว่าที่ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วๆไปหากใช้งานอย่างเหมาะสม LED Array เสียหายได้ยากมาก
  7. กินไฟน้อย LED Array กินไฟน้อยกว่า หลอด IR ธรรมดาทั่วไป ถึง 3 เท่า
  8. หลอด LED Array 1 หลอดเทียบเท่ากับหลอด LED IR 30 หลอด

ความแตกต่างของอินฟราเรด

ปรากฏการไฟฉาย” หรือ Flashlight Effect

LED SMD คืออะไร

SMD ย่อมาจาก Surface Mount Device แปลตรงๆก็คือ อุปกรณ์ที่ยึดอยู่บนผิวของ PCB พูดง่ายๆก็คือ อุปกรณ์ที่ไม่ต้องเสียบขาลงไปในรูแล้วค่อยบัดกรีเมื่อกล่าวถึง หลอดไฟ SMD นั้น ความสามารถพิเศษที่เพิ่มมานั้นคือ นั้นจะไม่มีขา เพราะถ้ามีขาเหมือนกับหลอดไฟ LED นั้นจะยุ่งยากในการบัดกรีหรือติดตั้งกับแผงวงจรแต่ตัว หลอดไฟ SMD

นั้นจะไม่มีปัญหาด้านนี้พร้อมทั้งลดการกินไฟลดน้อยลงทำให้ หลอดไฟSMD นั้นมีความร้อนที่น้อยกว่าเดิม และประหยัดไปได้มากกว่า ทั้งยังมีแสงสว่างที่มากกว่า ระยะการกระจายแสงที่สามารถมองเห็นด้วยระดับสายตาเปล่าสามารถทำให้มองได้อย่างสว่างมากกว่าเดิม

กลับสู่สารบัญ

สรุปทิ้งท้าย

ตอนนี้เราก็ทราบข้อแตกต่างระหว่างกล้องวงจรปิด Star Light ,ColorVu , infrared , Day & Night ไปแล้ว จะเลือกใช้งานกล้องวงจรปิดแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งาน ความเหมาะสมของสถานที่ และประโยชน์ที่จะได้รับ ลองศึกษาดูนะค่ะ