fbpx

สายแลน: Cat5e, Cat6 ต่างกันยังไง? แล้วแบบไหนเหมาะกับคุณ

หลายคนเจอปัญหาแบบนี้เป็นประจำ ดู YouTube กระตุก ประชุมออนไลน์เสียงขาด ภาพกล้องวงจรปิดมาช้า หรือบางทีหลุดไปดื้อ ๆ ทั้งที่เน็ตบ้านก็ความเร็วสูง ใช้แร็กเกตแรงระดับ 1,000 Mbps แล้วทำไมยังมีปัญหา? คำตอบอาจไม่ใช่ที่เราเข้าใจ เพราะบ่อยครั้ง สาเหตุที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ “ความเร็วอินเทอร์เน็ต” หรือ แม้แต่ “ตัวกล้อง IP” ที่ใช้งานอยู่ แต่อยู่ที่ “สาย LANที่ส่งข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งต่างหาก ใช่ครับ…“สาย LAN ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่จริง ๆ แล้วคือ เส้นเลือดใหญ่ของระบบเน็ตเวิร์คทั้งหมดในบ้านหรือออฟฟิศคุณ และการเลือกสายผิด แค่เส้นเดียว ก็อาจทำให้ทุกอย่างรวนได้ทั้งระบบ

เราไปทำความรู้จักกับ สายแลน กันดีกว่า ว่า สาย LAN คืออะไร? ทำหน้าที่อะไร? สายแลน Cat5e, Cat6 ต่างกันยังไง? Bandwidth, Speed, ระยะการใช้งาน ควรเลือกใช้สาย LAN รุ่นไหนดี? ใครที่กำลังจะเดิน สาย LAN ใหม่ ไม่ควรพลาด จะได้เลือกซื้อให้ตรงกับสเปกและความต้องการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

สาย LAN คืออะไร?

สาย LAN (UTP) หรืออีกในชื่อเต็มๆว่า Unshielded Twisted Pair คือสายที่ใช้ในการส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ มักใช้ในการต่อคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน หรือจะเป็นคอมพิวเตอร์กับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ที่หลายคนจะคุ้นชื่อกับพอร์ตที่ชื่อว่า RJ45 นี่คือพอร์ตสำหรับการใช้งานร่วมกับ สาย LAN นั่นเอง สาย LAN มีหลายรุ่น หลายประเภท และแต่ละแบบก็มีขีดจำกัดไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะรุ่นยอดนิยมอย่าง Cat5e และ Cat6 ที่หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ แต่ไม่แน่ใจว่าต่างกันยังไง และควรเลือกใช้แบบไหนถึงจะเหมาะกับการใช้งานในบ้าน ออฟฟิศ หรือระบบกล้องวงจรปิด

Cat5e และ Cat6 คืออะไร ต่างกันยังไง?

สาย LAN Category 5E (CAT 5E)  ย่อมาจาก Category 5 Enhanced” เป็นสาย LAN ทองแดงที่มีความเร็วต่ำ พัฒนามาจากสาย CAT 5 เดิม ออกแบบมาเพื่อรองรับ Bandwidth อยู่ที่ 100-200 MHz ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 1 Gbps ในระยะทางไม่เกิน 100 เมตร เช่น อินเทอร์เน็ตบ้าน, ระบบกล้องวงจรปิดความละเอียดระดับ HD, หรือการแชร์ไฟล์ภายในเครือข่ายเล็ก ๆ

ข้อดีคือ ราคาประหยัด และยังใช้งานได้ดีในหลายสถานการณ์

สาย LAN Category 6 (CAT 6) คือรุ่นที่อัปเกรดจาก Cat5e ทั้งในแง่ของความเร็วและความเสถียร ถูกผลิตขึ้นมาตามมาตรฐานของ Gigabit Ethernet ออกแบบมาเพื่อรองรับ Bandwidth อยู่ที่ 250 MHz ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 1-10 Gbps ในระยะทางไม่เกิน 55 เมตร ซึ่งเหมาะกับระบบที่ต้องการส่งข้อมูลปริมาณมาก เช่น กล้องวงจรปิดความละเอียดสูง, ระบบ NAS, หรือออฟฟิศที่มีการใช้งานเน็ตพร้อมกันหลายจุด

จุดเด่นคือ ลดสัญญาณรบกวนได้ดี และรองรับการใช้งานในอนาคตได้ยาวกว่า แม้ราคาสูงกว่า Cat5e แต่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว

ถึงตรงนี้ หลายคนอาจพอเลือกสายแลนได้แล้วว่าควรใช้ Cat5e หรือ Cat6 แต่รู้หรือไม่ว่า…แค่เลือกสายถูกอย่างเดียวไม่พอ เพราะถ้า “เดินสายผิด” หรือ “ติดตั้งไม่ถูกต้อง” ต่อให้ซื้อสายแพงแค่ไหน ก็ทำให้เน็ตช้า กล้องหลุดได้เหมือนเดิม มาดูกันว่าเรื่องเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้าม กำลังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ระบบรวนโดยไม่รู้ตัว…

เรื่องที่คนมองข้าม – เดินสายผิด = ปัญหาใหญ่

หลายครั้งที่เน็ตช้า ภาพกล้องดีเลย์ ประชุมออนไลน์หลุดกลางคัน ไม่ได้เกิดจากเน็ตบ้านหรืออุปกรณ์ แต่เกิดจาก “การเดินสาย” ที่ผิดพลาด!
มาดูกันว่าเรื่องเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้าม มีอะไรบ้าง:

  • เดินสายใกล้สายไฟแรงสูง
    ทำให้เกิดสัญญาณรบกวน (EMI) ข้อมูลวิ่งผิดเพี้ยน ถึงเน็ตจะเร็วแค่ไหนก็ไม่ช่วย
  • สายยาวเกินมาตรฐาน
    ระยะทางที่แนะนำคือไม่เกิน 100 เมตร ถ้ายาวกว่านี้สัญญาณจะดรอป จนทำให้เน็ตอืดและไม่เสถียร
  • ต่อหัว RJ45 ไม่ถูกต้อง
    ต่อสายผิดเบอร์ สลับสายคู่ ขั้วไม่แน่น ก็ทำให้ข้อมูลส่งไม่ครบ เสียงหาย ภาพกระตุกได้ง่าย ๆ
  • เลือกสายแลนราคาถูก ไม่มีมาตรฐาน
    เปลือกบาง, ทองแดงไม่แท้ = สัญญาณหลุดบ่อย และอายุการใช้งานสั้น เสียเงินซ่อมบ่อยกว่าซื้อของดีตั้งแต่แรก

การใส่ใจตั้งแต่การเลือกสาย เดินสาย และเข้าหัวอย่างถูกต้อง คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ระบบเน็ตเวิร์คของคุณทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

เลือกสายแลนให้ถูก ชีวิตการใช้งานง่ายขึ้นเยอะ

สายแลนไม่ใช่แค่เส้นพลาสติกธรรมดา แต่มันคือ “เส้นเลือดใหญ่” ที่หล่อเลี้ยงทั้งระบบเน็ตเวิร์คของบ้าน ออฟฟิศ หรือแม้แต่ระบบกล้องวงจรปิด หากเลือกผิดเพียงนิดเดียว ก็อาจทำให้ทั้งระบบช้าหรือรวนโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้น ก่อนจะเดินสายหรือวางระบบใด ๆ อย่าลืมเลือกสายให้เหมาะกับความเร็วที่ต้องการ ระยะทางการใช้งาน และลักษณะงานของแต่ละจุด ถ้าไม่แน่ใจ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญดีกว่า เพื่อความมั่นใจว่าใช้ของดีตั้งแต่ต้น