fbpx

กล้องวงจรปิด & PDPA: สิ่งที่เจ้าของบ้านและธุรกิจต้องรู้ในปี 2025

     ปัจจุบัน กล้องวงจรปิดมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความปลอดภัยในที่อยู่อาศัย สำนักงาน สถานที่ราชการ หรือพื้นที่สาธารณะ ความต้องการใช้งานจึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากกล้องวงจรปิดมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายและมีตัวเลือกหลากหลาย อย่างไรก็ตาม การติดตั้งและใช้งานต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่น

     PDPA มีผลบังคับใช้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของบุคคลจากการถูกละเมิดโดยไม่เหมาะสม หากเจ้าของสถานที่หรือองค์กรละเลยกฎหมายนี้ อาจถูกลงโทษทั้งทางแพ่งและอาญา ด้วยเหตุนี้ การติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ถูกต้องตาม PDPA จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

     ติดกล้องวงจรปิดต้องระวัง! PDPA ปี 2025 มีกฎอะไรที่เจ้าของบ้านและธุรกิจต้องรู้ เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษทั้งปรับและจำคุก บทความนี้อธิบายครบในที่เดียว

PDPA คืออะไร? เกี่ยวข้องอย่างไรกับกล้องวงจรปิด

PDPA หรือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 คือกฎหมายที่ถูกออกแบบมาเพื่อ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน ไม่ให้ถูกเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้อมูลเหล่านั้นสามารถระบุตัวบุคคลได้ ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม

ข้อมูลส่วนบุคคลที่กล้องบันทึก คืออะไร?

สำหรับกล้องวงจรปิดนั้น หากสามารถจับภาพใบหน้า ท่าทาง ป้ายทะเบียนรถ หรือข้อมูลใด ๆ ที่สามารถเชื่อมโยงถึงตัวบุคคลได้ ก็ถือว่าเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคล” ตามกฎหมาย PDPA

ดังนั้น การติดตั้งกล้องวงจรปิดโดยไม่แจ้งให้ผู้ที่ถูกบันทึกภาพทราบ หรือการนำข้อมูลไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต อาจเข้าข่ายการละเมิดสิทธิ์ตามกฎหมาย PDPA

กล้องวงจรปิดผิดกฎหมายหรือไม่? ติดตั้งในบ้านตัวเอง ถือว่าผิดหรือไม่?

การติดตั้งกล้องวงจรปิด “ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย” หากทำเพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง แต่ภายใต้ PDPA มาตรา 4 (1) จะมีข้อยกเว้นให้ เฉพาะกรณีใช้ใน “กิจกรรมส่วนบุคคล” เท่านั้น เช่น

  • ติดตั้งในบริเวณบ้านของตนเอง
  • ใช้เพื่อดูแลความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว
  • ไม่ได้เปิดเผย/แชร์ภาพต่อสาธารณะ

แล้วถ้ากล้องจับภาพถนนหรือเพื่อนบ้านล่ะ?

กรณีนี้ มีความละเอียดอ่อน หากกล้องสามารถจับภาพ “พื้นที่สาธารณะ” เช่น

  • ทางเดินหน้าบ้าน
  • ถนนในหมู่บ้าน
  • พื้นที่ของบ้านเพื่อนบ้าน

แม้จะไม่ตั้งใจเผยแพร่ แต่หากไม่ได้มี ป้ายแจ้งเตือน หรือ ประกาศวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน ก็อาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิผู้อื่น และอาจถูกร้องเรียนได้ตาม PDPA

คำแนะนำ:

  • ควร ติดป้ายแจ้งเตือน ว่ามีกล้องวงจรปิด
  • อย่าให้กล้อง “เล็งตรง” เข้าไปยังบ้านเพื่อนหรือพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้อง
  • หลีกเลี่ยงการบันทึกเสียง (ถ้าไม่จำเป็น) เพราะเสียงก็ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล

กล้องในร้านค้า สำนักงาน หรือพื้นที่ธุรกิจ ต้องทำอย่างไร?

การติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่เชิงพาณิชย์ เช่น ร้านค้า สำนักงาน หรือพื้นที่ให้บริการต่างๆ ไม่เข้าข่ายข้อยกเว้นของกิจกรรมส่วนบุคคล ดังนั้นจึงต้อง ปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA อย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดทางแพ่งและอาญา

สิ่งที่ธุรกิจควรดำเนินการมีดังนี้:

  • ติดป้ายแจ้งให้ชัดเจน: ให้ผู้ที่เข้ามาในพื้นที่รับรู้ว่ามีการบันทึกภาพ เช่น “สถานที่นี้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อความปลอดภัย”
  • ระบุวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน: เช่น “เพื่อความปลอดภัยของลูกค้าและทรัพย์สิน” หรือ “เพื่อป้องกันเหตุร้ายในพื้นที่”
  • จำกัดการเข้าถึงข้อมูล: เฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เช่น เจ้าของร้าน หรือผู้จัดการเท่านั้นที่สามารถดูหรือดึงข้อมูลได้
  • รักษาความปลอดภัยของข้อมูล: ตั้งรหัสผ่านให้ระบบกล้อง ใช้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่เข้ารหัส และตรวจสอบการเข้าถึงอย่างสม่ำเสมอ
  • ไม่เก็บข้อมูลไว้นานเกินความจำเป็น: ปกติควรเก็บไม่เกิน 30 วัน เว้นแต่มีเหตุพิเศษ เช่น ต้องใช้เป็นหลักฐานในคดีความ

สิ่งที่ต้องทำเมื่อต้องการติดตั้งกล้องวงจรปิดให้ “ไม่ผิด PDPA”

  1. แจ้งให้ทราบก่อนเข้าพื้นที่

ต้อง ติดป้ายประกาศอย่างชัดเจน ว่า “พื้นที่นี้มีการบันทึกภาพด้วยกล้องวงจรปิด” พร้อมระบุจุดประสงค์ เช่น “เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน”

ตำแหน่งที่ควรติด:

  • ทางเข้าอาคาร
  • ลานจอดรถ
  • จุดต้อนรับ

เน้นว่าผู้ที่กำลังจะเข้าพื้นที่ต้อง “เห็นได้ทันก่อน” ไม่ใช่เจอกล้องแล้วค่อยรู้ทีหลัง

  1. จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)

องค์กรหรือธุรกิจ ควรมีเอกสารหรือประกาศ ที่ชี้แจงเรื่องการใช้กล้องวงจรปิดอย่างเป็นทางการ เช่น

  • กล้องติดอยู่ตรงไหนบ้าง
  • เก็บภาพไว้นานแค่ไหน
  • ใครเข้าถึงภาพได้บ้าง
  • สิทธิของบุคคลที่ถูกบันทึกภาพ เช่น ขอเข้าดู, ขอให้ลบภาพ

ถ้าไม่มีนโยบายนี้ เมื่อเกิดปัญหาอาจเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียนหรือถูกปรับจากหน่วยงานควบคุม PDPA

  1. หลีกเลี่ยงการติดตั้งใน “จุดเสี่ยงละเมิดสิทธิ”

จุดต้องห้ามที่ไม่ควรมีกล้อง เช่น

  • ห้องน้ำ
  • ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
  • ห้องพักพนักงาน
  • ห้องนอน (แม้ในบ้านของตนเอง หากมีผู้พักอาศัยอื่นร่วมด้วย)

เพราะพื้นที่เหล่านี้ถือเป็น “พื้นที่ที่มีความเป็นส่วนตัวสูง” แม้เพื่อความปลอดภัย ก็ไม่ควรใช้กล้องบันทึกเว้นแต่มีเหตุจำเป็นร้ายแรงและต้องได้รับความยินยอมอย่างชัดเจน

  1. กำหนด “อายุการจัดเก็บข้อมูล” ให้ชัดเจน

PDPA ไม่ได้กำหนดระยะเวลาตายตัว แต่แนะนำว่า ไม่ควรเก็บไว้นานเกินความจำเป็น
แนวทางที่นิยม เช่น

  • ทั่วไป: 15 – 30 วัน
  • พื้นที่เสี่ยง (เช่น หน้าร้านทอง, ธนาคาร): 60 – 90 วัน
  • กรณีพิเศษ: หากเกิดเหตุ เช่น ลักทรัพย์หรืออุบัติเหตุ อาจต้องเก็บต่อเพื่อใช้เป็นหลักฐาน

ควรมีระบบ “ลบข้อมูลอัตโนมัติ” หรือไล่ข้อมูลเก่าออกเมื่อครบกำหนด

บทลงโทษหากละเมิด PDPA จากการใช้กล้องวงจรปิด

หากใช้กล้องวงจรปิดโดย ไม่แจ้งให้ทราบ, ไม่มีวัตถุประสงค์ชัดเจน, เก็บข้อมูลเกินจำเป็น หรือใช้ข้อมูลภาพในทางที่ “ละเมิดสิทธิผู้อื่น” อาจถูกดำเนินคดีตาม 3 หมวดโทษ ดังนี้:

  1. โทษทางแพ่ง (ชดเชยค่าเสียหาย)
  • ผู้เสียหายมีสิทธิเรียกร้อง ค่าเสียหายตามจริง และ เรียกค่าเสียหายเชิงลงโทษ เพิ่มได้ หากพิสูจน์ได้ว่าถูกละเมิดโดยเจตนา
  1. โทษทางปกครอง (ค่าปรับจากสำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล)
  • ปรับสูงสุดถึง 5 ล้านบาท ต่อกรณี
  • เจ้าหน้าที่รัฐสามารถ ออกคำสั่งระงับการใช้งานกล้อง, ลบข้อมูล หรือปิดระบบ ได้ทันที
  1. โทษทางอาญา (กรณีเจตนาเปิดเผยหรือเผยแพร่โดยมิชอบ)
  • ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท
  • หรือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี
  • หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

เช่น กรณีเอาภาพจากกล้องไปเผยแพร่ในโซเชียลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของข้อมูล

ตัวอย่างที่เข้าข่ายผิด PDPA

  • ติดกล้องหน้าบ้านแล้วบันทึกภาพบ้านตรงข้ามโดยไม่มีป้ายแจ้ง
  • ร้านค้าเอาภาพกล้องวงจรปิดจากลูกค้าไปโพสต์ลงโซเชียล
  • บริษัทรักษาความปลอดภัยไม่จำกัดสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์กล้อง พนักงานทั่วไปดูย้อนหลังได้หมด

ตัวอย่างสถานการณ์ “เสี่ยง” ที่ควรระวัง

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: ติดกล้องที่บ้าน แล้วจับภาพถนนหรือหน้าบ้านคนอื่น ผิดไหม?
A: หากไม่ได้มีเจตนาบันทึกบุคคลโดยเฉพาะ ถือว่าไม่ผิด แต่ควรติดป้ายแจ้งและหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต

Q: ต้องเก็บภาพจากกล้องไว้นานแค่ไหนถึงจะปลอดภัย?
A: โดยทั่วไป 15–30 วันถือว่าเหมาะสม หากไม่มีเหตุจำเป็นต้องใช้ในคดี หรือเพื่อวัตถุประสงค์ชัดเจนกว่านั้น

Q: กล้องวงจรปิดสามารถใช้เป็นหลักฐานในคดีได้ไหม?
A: ได้ หากได้มาถูกต้อง ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น และไม่ตัดต่อดัดแปลงภาพที่ใช้เป็นหลักฐาน

กล้องวงจรปิดไม่ผิดกฎหมาย หากคุณใช้อย่างมี “ความรับผิดชอบ”

การติดตั้งกล้องวงจรปิดในยุค PDPA 2025 ต้องให้ความสำคัญกับสิทธิส่วนบุคคลมากขึ้น ไม่ว่าจะติดในบ้าน ร้าน หรือองค์กร ควรมีการแจ้งล่วงหน้า มีนโยบายความเป็นส่วนตัว และจำกัดการเข้าถึงข้อมูลอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมายและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เกี่ยวข้องติดป้ายแจ้งให้ทราบก่อนเข้าพื้นที่ เพราะความปลอดภัยไม่ควรแลกมาด้วยการละเมิดสิทธิของใคร
เมื่อคุณรู้และทำตาม PDPA อย่างถูกต้อง กล้องวงจรปิดก็จะกลายเป็นผู้ช่วยที่ทั้ง “ปลอดภัย” และ “ถูกกฎหมาย” อย่างแท้จริง